วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

ความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรม

ภาษากับวัฒนธรรมมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ซึ่งพอจะกล่าวได้ดังนี้

1. ภาษาเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง
เพราะภาษาเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น มีการเรียนรู้ ถ่ายทอด และเจริญงอกงาม

2. ภาษาเป็นเครื่องมือถ่ายทอดวัฒนธรรม
บรรดาวัฒนธรรมสาขาต่างๆ นั้น นับว่าภาษาเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุด เพราะภาษาเป็นเครื่องมือถ่ายทอดวัฒนธรรมสาขาต่างๆ ให้สืบทอดและเจิญงอกงามต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าไม่มีภาษา การสืบทอดวัฒนธรรมจะเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่สามารถที่จะสื่อความหมายกันให้เข้าใจได้แจ่มชัด

3. ภาษาสะท้อนให้เห็นถึงประวัติความเป็นอยู่ของมนุษย์ในอดีตหรือวัฒนธรรมของชาตินั้นๆ
เพราะถ้อยคำภาษา เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นตามความจำเป็นของสังคมนั้นๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน จึงกล่าวได้ว่าถ้อยคำบางคำเป็นประวัติวัฒนธรรมของชาติ เช่นคำว่า นาฬิกา มีนัยมาจากภาษาบาลีว่า นาฬิเกร แปลว่า มะพร้าว ทั้งนี้เพราะโบราณเรามีวิธีนับเวลาโดยใช้กะลามะพร้าวเจาะรูแล้วนำไปลอยน้ำ เมื่อจมครั้งหนึ่งๆ ก็เรียกว่านาฬิกาหนึ่ง ต่อมาเรามีนาฬิกาอย่างปัจจุบันซึ่งเราเรียกว่านาฬิกากล แต่ก็กร่อนเป็นนาฬิกาในกาลต่อมา

4. ภาษาเป็นเครื่องบ่งชี้วัฒนธรรมของผู้ใช้
ถ้อยคำในภาษามีระดับและนอกจากสื่อความหมายแล้วยังสื่อความรู้สึกได้อีกด้วย อย่างเช่นคำใช้แทนชื่อภาษาไทย ที่เรียกว่าคำสรรพนามก็มีมาก เช่น ฉัน ผม เกล้ากะผม กระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ดิฉัน หม่อมฉัน ท่าน คุณ ใต่้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นต้น คำกริยาแสดงอาการกินก็มีมาก เช่น กิน รับประทาน ฉัน เสวย เป็นต้น เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าภาษาเป็นเครื่องแสดงระดับวัฒนธรรมของผู้ใช้ เพราะคำเหล่านี้ไม่ได้บอกเฉพาะความหมายเท่านั้น ยังบอกถึงความรู็สึก อารมณ์ และระดับการศึกษาของผู้ใช้ด้วย ดังมีคำกล่าวว่า "สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล" หมายความว่า ภาษา กิริยา พฤติกรรมของผู้ใช้เป็นเครื่องบ่งบอกวัฒนธรรมของผู้นั้นว่าสูงต่ำเพียงใด

5. ภาษาเป็นเครื่องอบรมจิตใจและความประพฤติของผู้ใช้ให้มีความละเอียดอ่อน
ในภาษาไทยเรามีการใช้คำราชาศัพท์ สำหรับบุคคลที่เป็นเจ้านาย พระราชาและราชวงศ์ พระสงฆ์และสุภาพชน โดยใช้ภาษาสำหรับการปฏิบัติภารกิจแต่ละอย่างแตกต่างไปจากภาษาที่สามัญชนใช้ เช่น พระสงฆ์จะใช้คำว่า ฉัน แทนคำว่า กิน ใช้คำว่า จำวัด แทนคำว่า นอน พระราชาใช้คำว่าเสวยแทนคำว่า กิน ใช้คำว่า บรรทม แทนคำว่า นอน เป็นต้น ทั้งนี้เพราะพระสงฆ์และพระราชาจะปฏิบัติกิจเหล่านี้เช่นเดียวกับชาวบ้านไม่ได้ ก่อนที่พระสงฆ์จะฉันอาหาร ก็ต้องมีผู้ประเคนให้เสียก่อน เวลาจะจำวัดก็ต้องจำวัดบนที่นอนที่ไม่ได้บรรจุด้วยนุ่นหรือสำลี พระราชาเวลาจะเสวยก็ต้องเสวยด้วยอาการสำรวม เวลาจะบรรทมก็ต้องบรรทมในที่มิดชิดไม่ประเจิดประเจ้อ ดังนั้นจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าจิตใจและความประพฤติของคนเรานั้นสามารถควบคุมได้โดยภาษา

เอกสารอ้างอิง
ประจักษ์ ประภาพิทยากร และคณะ. ภาษากับวัฒนธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 9. นนทบุรี: ไทยรุ่มเกล้า. มปท. (เอกสารอัดสำเนา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น